ผู้เขียน หัวข้อ: เปรียบเทียบ LED แบบ SMD กับ COB  (อ่าน 5489 ครั้ง)

0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้

ออฟไลน์ Auto Car

  • Administrator
  • Hero Member
  • *
  • กระทู้: 5020
    • ดูรายละเอียด
เปรียบเทียบ LED แบบ SMD กับ COB
« เมื่อ: 09 มิถุนายน 2021, 07:42:48 »
You are not allowed to view links. Register or Login

COB คืออะไร?
Chip On Board คือรูปแบบชิป LED สมัยใหม่ที่มีการนำเอาชิปหลายๆตัวมารวมกันไว้ในแผ่นเดียว เพื่อเพิ่มค่าความสว่าง ลดต้นทุนการผลิต และสะดวกต่อการระบายความร้อนและนำไปใช้งาน ยกตัวอย่างเช่น Cree ตระกูล CXA หรือ BridgeLux ตระกูล Vero
ชิป COB มักมีไดโอด 9 ตัวขึ้นไป ชิป COB มีเฉพาะวงจร 1 ดวงและที่ติดต่อ 2 ตัวโดยไม่คำนึงถึงจำนวนของไดโอด การออกแบบวงจรที่เรียบง่ายนี้เป็นสาเหตุให้แผงไฟ LED แบบ COB มีลักษณะคล้ายแผง (ไฟ SMD ในทางกลับกันจะปรากฏเป็นชุดของไฟขนาดเล็ก) และแตกต่างจาก SMD ไฟ LED แบบ COB ไม่สามารถใช้เพื่อสร้างหลอดไฟเปลี่ยนสีหรือไฟได้ เนื่องจากมีเพียง 1 วงจร จำเป็นต้องมีช่องหลายช่องสำหรับการปรับแต่งเพื่อสร้างผลการเปลี่ยนสี ด้วยเหตุนี้ไฟ LED แบบ COB จึงมีประสิทธิภาพในการใช้งานแอพพลิเคชันแบบสีเดียว ไม่สามารถใช้งานได้หลากหลาย
อีกด้านหนึ่งของความแตกต่างของ COB vs SMD LED Lights คือการใช้พลังงาน COB เป็นที่รู้จักสำหรับอัตราส่วนลูเมนต่อวัตต์ที่ดีขึ้น

You are not allowed to view links. Register or Login
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 09 มิถุนายน 2021, 07:46:49 โดย Auto Car »

ออฟไลน์ Auto Car

  • Administrator
  • Hero Member
  • *
  • กระทู้: 5020
    • ดูรายละเอียด
Re: เปรียบเทียบ LED แบบ SMD กับ COB
« ตอบกลับ #1 เมื่อ: 09 มิถุนายน 2021, 07:51:52 »
SMD คืออะไร?
ใครถามเรา เราอาจจะหยุดคิดว่ามันคืออะไร นอกจากคนที่อยู่ในวงการอิเล็กทรอนิกส์
เดี๋ยวเราจะมาเรียนรู้กันว่ามันคืออะไรกันแน่
SMD ย่อมาจาก Surface Mount Device  แปลตรงๆก็คือ อุปกรณ์ที่ยึดอยู่บนผิวของ PCB พูดง่ายๆก็คือ อุปกรณ์ที่ไม่ต้องเสียบขาลงไปในรูแล้วค่อยบัดดกรีเหมือน LED เป็นอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์จำพวกกึ่งตัวนำที่สามารถเปล่งแสงออกมาได้เมื่อเราจ่ายกระแสไฟฟ้าเข้าที่ตัวมัน โดยปกติหลอดชนิดนี้สามารถเปล่งแสงได้เมื่อจ่ายแรงดันกระแสไฟตรงเพียงเล็กน้อยเท่านั้นโดยสามารถกำหนดแรงดันเข้าไปผ่านตัวต้านทาน  จึงทำให้มีลักษณะเข้มหรืออ่อนของแสงได้และประสิทธิภาพในการให้แสงก็ยังดีกว่าหลอดธรรมดา หรือหลอดไส้ที่ใช้กัน
SMD LED ให้ความร้อนน้อยมาก นอกจากนี้ยังมีความต้องการแรงดันและกระแสไฟฟ้าที่ต่ำ พวกเขามักจะถูกใช้เพื่อแสดงสถานะของอุปกรณ์บนเมนบอร์ดคอมพิวเตอร์, เราเตอร์, ฮาร์ดดิสก์ไดรฟ์ USB Flash Drive และโปรแกรมอื่น ๆ ที่มีพื้นที่จำกัด LED SMD ได้ถูกใช้ในจอแสดงผล LCD backlighting, ไฟ Led เส้น , ไฟแป้นพิมพ์ ปุ่มกด บนเครื่องบิน และงานชิ้นใหญ่ๆต่างๆอาทิเช่นป้ายไฟโฆษณา
ทำไมต้อง SMD เรามาดูคุณสมบัติของเจ้าตัว SMD กันว่ามันมีประโยชน์มากแค่ไหน
1. แสงสว่างมากกว่าหลอดเดิม
2. กินไฟน้อยกว่าและความร้อนน้อยกว่า จึงทำให้อายุ  การใช้งานยืดยาวมากขึ้น
3.ตกแต่งเพื่อความสวยงามได้
4..ราคาประหยัด

You are not allowed to view links. Register or Login

ออฟไลน์ Auto Car

  • Administrator
  • Hero Member
  • *
  • กระทู้: 5020
    • ดูรายละเอียด
Re: เปรียบเทียบ LED แบบ SMD กับ COB
« ตอบกลับ #2 เมื่อ: 09 มิถุนายน 2021, 07:54:04 »
แสงสว่าง เป็นอีกปัจจัยหนึ่งที่สำคัญต่อการดำเนินชีวิตของทั้งมนุษย์ พืช สัตว์ ซึ่งแสงสว่างจากดวงอาทิตย์ เป็นทรัพยากรธรรมชาติที่ถูกสรรสร้างเพื่อสิ่งมีชีวิต โดยไม่เสียค่าใช้จ่ายใดๆ หากเราสามารถใช้ประโยชน์จากแสงธรรมชาตินี้ได้อย่างเหมาะสมมากที่สุด จะเป็นการประหยัดพลังงานไฟฟ้าได้มากที่เดียว แต่ เราต่างทราบกันดี แสงสว่างจากธรรมชาตินี้จะหมดไปในช่วงเวลากลางคืน เช่นนี้เราจึงจำเป็นต้องพึ่งพาแสงสว่างจากหลอดไฟฟ้า ดังนั้นการวางแผนการใช้งานอย่างมีความรู้ความเข้าใจในการเลือกใช้แสงให้เกิดประสิทธิภาพและประโยชน์สูงสุดมีส่วนสำคัญอย่างยิ่งในการประหยัดพลังงาน
   อย่างไรก็ตามเราจำเป็นต้องเข้าใจถึงประสิทธิภาพในการมองเห็นอย่างชัดเจนถูกต้อง นั้นจะต้องเกิดความสบายในขณะที่ประกอบกิจกรรมในชีวิตประจำวัน ไม่ให้มีแสงสว่างมาก หรือน้อยจนเกิดผลกระทบ เพราะในพื้นที่ใช้งานมี แสงสว่างที่น้อยเกินไป จะมีผลเสียต่อสายตา ทำให้กล้ามเนื้อตาทำงานมากเกินไปจากการเพ่งมอง ทำให้เกิดการเมื่อยล้าปวดตา มึนศีรษะ รวมถึงประสิทธิภาพในการทำงานลดลง ในทางกลับกัน หากมี แสงสว่างที่มากเกินไป จะทำให้ผู้ทำงานเกิดความไม่สบายสายตา ปวด แสบตา มึนศีรษะ วิงเวียน และอาจก่อให้เกิดอุบัติเหตุขึ้นได้ รวมถึงส่งผลให้ประสิทธิภาพในการทำงานของเราลดลงหรืออาจเป็นสาเหตุของโรคทางสายตาได้เช่นเดียวกัน
แสงที่เพียงพอกับการใช้งานที่เหมาะสม
   ทราบได้อย่างไรว่าพื้นที่ใช้งานมีค่าความส่องสว่างเพียงพอหรือไม่ โดยทั่วไปเรามักจะรู้สึกได้จากอาการแสบตาเมื่อมีแสงมากเกินไปหรือต้องหรี่ตาเมื่อรู้สึกว่าพื้นที่นั้นๆ ว่ามีปริมาณน้อยเกินไป ซึ่งในปัจจุบันมีการพัฒนาอุปกรณ์เครื่องวัดแสงเรียกว่า “Lux Meter” สำหรับวัดความสว่างเฉพาะความเข้มที่ปรากฏในสายตาของมนุษย์ โดยมีหน่วยของการวัดความสว่างเป็น ลักซ์ (Lux) โดยทั่วไประดับแสงกลางแจ้งจะอยู่ที่ประมาณ 10,000 ลักซ์ และจะมีระดับที่สมดุลแตกต่างกันไปในแต่ละสถานที่ ดังนั้นเราควรให้ความสำคัญและมั่นตรวจวัดค่าความส่องสว่างให้มีค่าแสงสว่างเป็นไปตามที่มาตรฐานกำหนดไว้เพื่อให้แต่ละวันในการทำงานของเราสามารถนั่งทำงานได้สบายตา
สำหรับการจัดแสงสว่างอย่างเหมาะสมในสถานที่ทำงานให้มีสภาพเหมาะสม ต้องคำนึงถึงปัจจัยที่สำคัญในเรื่องการเลือกระบบแสงสว่างและแหล่งกำเนิดแสงสว่าง และลักษณะห้องหรือพื้นที่ใช้งาน รวมทั้งเรื่องคุณภาพและปริมาณของแสงสว่าง ตลอดจนการดูแลบำรุงรักษาระบบแสงสว่าง หากมีแสงสว่างในสถานที่ทำงานไม่เพียงพอสามารถเลือกพิจารณาแก้ไขตามความเหมาะสม ได้แก่
- ติดตั้งดวงไฟเพิ่มเฉพาะจุดที่มีการทำงานเป็นพิเศษ เปิดและปิดไฟ เท่าที่จำเป็นต้องใช้งาน
- ลดระดับความสูงของดวงไฟลงมาอยู่ในระยะที่สามารถให้ปริมาณแสงสว่างเพียงพอ
- ใช้โคมไฟที่ทาด้วยสีเงิน หรือสีขาว ซึ่งมีประสิทธิภาพในการสะท้อนแสงได้ดี จะช่วยเพิ่มแสงสว่าง
- เปลี่ยนตำแหน่งการทำงานไม่ให้อยู่ในตำแหน่งที่มีเงา หรือเกิดเงาจากตัวผู้ปฏิบัติงาน
- ใช้แสงสว่างจากธรรมชาติช่วยในการเพิ่มแสงสว่าง
- สีของผนัง ฝ้าเพดานที่มีสีอ่อนจะสะท้อนแสงได้ดีกว่าสีมืดทึบ
อย่างไรก็ดีการใช้ไฟฟ้าอย่างประหยัดมีมากมายหลายวิธี แต่วิธีที่ง่ายที่สุดก็คือการปรับเปลี่ยนพฤติกรรมของตัวเราเอง เช่น ไม่เปิดไฟในบริเวณที่มีแสงสว่างส่องถึง ปิดไฟทุกครั้งหลังเสร็จจากการใช้งาน การทำความสะอาดหลอดไฟอย่างสม่ำเสมอเพื่อคงประสิทธิภาพการทำงานได้เป็นอย่างดี
นอกจากนี้ การเลือกอุปกรณ์ ไฟฟ้าที่มีประสิทธิภาพสูง สามารช่วยให้ลดการใช้พลังงานได้อย่างมากเช่นกัน เช่นการเลือกใช้หลอดฟลูออเรสเซนต์ หรือหลอด LED เป็นต้น โดยสิ่งสำคัญควรคำนึงถึงขนาดกำลังไฟฟ้าที่นำมาใช้งานต้องเหมาะสมและมีความสว่างเพียงพอกับพื้นที่การใช้งานด้วย

You are not allowed to view links. Register or Login

ออฟไลน์ Auto Car

  • Administrator
  • Hero Member
  • *
  • กระทู้: 5020
    • ดูรายละเอียด
Re: เปรียบเทียบ LED แบบ SMD กับ COB
« ตอบกลับ #3 เมื่อ: 09 มิถุนายน 2021, 07:56:06 »
LED TUBE
หมายถึงหลอด LED ที่มีรูปทรงเป็นท่อตรง ลักษณะเช่นเดียวกับ หลอดฟลูออเรสเซนต์ชนิดท่อตรง ซึ่งมีขนาดเส้นผ่านศูนย์กลาง ขนาด 8 หุน (T8) หรือขนาด 5 หุน (T5) โดยมีขั้วหลอดเป็นแบบ เขี้ยวชนิด G13 (สําหรับหลอดขนาด T8) หรือชนิด G5 (สําหรับหลอดขนาด T5)
ขนาดมาตรฐานขนาดยาว 600 mm.และ 1200 mm.
8 ข้อดี เมื่อเปลี่ยนมาใช้หลอด LED T8
1. ประหยัดพลังงานไฟฟ้า ช่วยให้ค่าไฟลดลงกว่า 50%
2. ไม่มีสารที่เป็นอันตรายต่อสุขภาพ เช่น สารตะกั่ว สารปรอท
3. ไม่มีรังสี UV ซึ่งส่งผลให้ตาเมื่อยล้า ผิวหมองคล้ำ อีกทั้งยังมีผลกับวัตถุต่าง ๆ ส่งผลให้สีซีดจาง
4. ลดอุณหภูมิในห้อง เนื่องด้วยความร้อนจาก LED นั้น มีระดับต่ำกว่าหลอดชนิดอื่น ๆ มาก เมื่ออุณหภูมิในห้องต่ำลง ยังส่งผลทางอ้อมช่วยให้เครื่องปรับอากาศลดการทำงานลงอีกด้วย
5. อายุการใช้งานยาวนานกว่า ช่วยลดค่าซ่อมแซม ค่าบำรุงรักษาในระยะยาว
6. หลอด LED ไม่ต้องใช้บัลลาสต์ และสตาร์ทเตอร์ ทำให้ประหยัดค่าใช้จ่ายส่วนนี้
7. เปิดสวิทซ์ ติดทันที แตกต่างจากหลอดฟลูออเรสเซนต์ ที่ต้องรอการอุ่นให้ไส้หลอดร้อน และใช้แรงดันไฟฟ้าสูงในการจุดหลอดให้ติด กระบวนการนี้ใช้เวลา 2-5 วินาที หรือมากกว่านั้น กรณีสตาร์ทเตอร์เสื่อม
8. เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม ลดผลกระทบปัญหาด้านสิ่งแวดล้อม ปัญหาโลกร้อน

You are not allowed to view links. Register or Login

ออฟไลน์ Auto Car

  • Administrator
  • Hero Member
  • *
  • กระทู้: 5020
    • ดูรายละเอียด
Re: เปรียบเทียบ LED แบบ SMD กับ COB
« ตอบกลับ #4 เมื่อ: 09 มิถุนายน 2021, 08:11:10 »
ขั้วหลอดไฟ
ขั้วหลอดไฟ มีอะไรบ้างลองมาดูกันครับ โดยหลักๆ แล้วขั้วหลอดไฟจะมีที่ใช้กันโดยทั่วไปไม่กี่ประเภทเท่านั้น แต่ยังมีขั้วหลอดไฟ ที่ใช้สำหรับหลอดพิเศษต่างๆ เช่น หลอดในเครื่องจักรกล หลอดเครื่องมือแพทย์ หลอดสำหรับฆ่าเชื้อ เป็นต้น แต่ในที่นี้เราจะมาแนะนำในส่วนของ ขั้วหลอดไฟ ที่เราใช้กันทั่วไป และพบเห็นได้บ่อยๆ กันครับ
ขั้วแบบเกลียว
ขั้ว E14 : หรือที่เรียกกันว่า “ขั้วเล็ก” แต่ยังมีอีกขนาดคือ ขั้ว E12 ซึ่งพบไม่มากนัก โดยมากเป็นหลอดเฉพาะรุ่นเท่านั้น สำหรับขั้วหลอดไฟ E14 นั้นนิยมใช้กับหลอดรูปทรงจำปา หรือ ทรงกระบอกเล็ก โดยแต่เดิมหลอดทรงจำปานั้นจะเป็นแบบหลอดไส้ เวลาเปิดใช้งานไปสักพัก ตัวหลอดจะมีความร้อนสูงมาก ประมาณว่าหากเผลอไปจับเข้า อาจจะมือพองได้เลยครับ ข่าวดีก็คือ ปัจจุบันหลอดแอลอีดีได้พัฒนาจนมีหลอดสำหรับ ขั้ว E14 ได้แล้ว โดยมีรูปทรงเหมือนกับหลอดไส้เดิม เช่น ทรงจำปา หรือ ทรงเปลวเทียน ซึ่งเมื่อเปิดไฟแล้วหลอดจะไม่ร้อน ช่วยลดความร้อนลงไปได้เยอะเลยทีเดียว
ขั้ว E27 : เป็นขั้วหลอดไฟ ที่พบเห็นกันได้มากที่สุด เพราะนิยมใช้กับหลอดไฟแบบต่างๆ ได้หลากหลาย เริ่มแรกเดิมที ขั้ว E27 จะนำมาใช้กับหลอดไส้ทรงน้ำเต้า หรือ ทรงอินแคน ซึ่งย่อมาจาก Incandescent และ ทรงปิงปอง ต่อมาได้พัฒนามาใช้ในหลอดประหยัดไฟแบบแท่ง หรือ เรียกอีกอย่างนึงว่า หลอดตะเกียบ และในปัจจุบันนี้หลอดแอลอีดี ก็ได้ผลิตออกมาตอบสนองผู้ใช้อย่างครบถ้วน โดยทรงที่นิยม คือ ทรงน้ำเต้า หรือ LED BULB นั้นเอง
ขั้ว E40 : ขั้วหลอดไฟ E40 เป็นขั้วหลอดเกลียวเหมือนกันกับ ขั้ว E27 แต่มีขนาดใหญ่กว่า สำหรับขั้วหลอดไฟ E40 นั้น นิยมใช้กับหลอดที่มีกำลังวัตต์สูงๆ เพื่อรองรับขนาดของหลอดที่ใหญ่ขึ้น โดยทั่วไปจะใช้กับหลอด “High Watt” ที่มีกำลังวัตต์มากกว่า 40w ขึ้นไป ซึ่งเราจะพบเห็นได้มากใน โคมฟลัดไลท์ หรือ โคมสปอร์ตไลท์ หลอดเมทัลฮาไลด์ และ หลอดไฮเพรสเชอร์โซเดียม ทรงกระบอก ส่วนหลอดทรงโบว์ลิ่งจะใช้สำหรับโคมฝาชี หรือ เรียกกันว่า โคมไฮเบย์ หรือ โคมโลว์เบย์ ทั้งนี้หลอดดังกล่าวจะต้องใช้ควบคู่กับ บัลลาสต์ และ อิกไนเตอร์ ในการทำให้หลอดติด ซึ่งเป็นการสิ้นเปลืองอย่างมาก อีกทั้งหลอดยังมีความร้อนสูงมาก จนอู่ซ่อมสีรถนำมาใช้ในการอบสีให้แห้งเร็วขึ้น ปัจจุบันเทคโนโลยี LED ได้พัฒนามาเป็น โคมไฟสปอร์ตไลท์ LED (โคมฟลัดไลท์) ซึ่งมีคุณภาพเทียบเท่ากับโคมวัตต์สูงแบบเดิม ติดตั้งง่าย น้ำหนักเบา และไม่ต้องใช้อุปกรณ์ต่อพ่วงใดๆ เลย
ขั้วแบบเขี้ยว
ขั้ว G13 : ก็คือขั้วหลอดไฟนีออนนั้นเอง โดยจะนำมาใช้กับหลอดนีออน T8 (ฟลูออเรสเซนต์) ขนาดวัตต์ 18w (หลอดสั้น) และ 36w (หลอดยาว) ซึ่งหลอดนีออนเดิมนั้นต้องใช้ควบคู่กับ บัลลาสต์ และ สตาร์ทเตอร์ เพื่อทำให้หลอดติด หรือ ใช้กับ บัลลาสต์อิเล็คทรอนิกส์อย่างเดียวก็ได้เหมือนกัน และปัจจุบันหลอดแอลอีดีได้มีการผลิตขึ้นเพื่อใช้แทนหลอดนีออนเดิมแล้ว โดยมีชื่อเรียกว่าหลอด LED TUBE ซึ่งช่วยให้ประหยัดไฟลงได้มากเลยทีเดียว ติดตั้งก็ง่าย ไม่ต้องใช้ บัลลาสต์ และ สตาร์ทเตอร์ ให้ความสว่างมากกว่า และความร้อนต่ำกว่าอีกด้วย
ขั้ว GU10 : หรือเรียกอีกชื่อนึงว่า ขั้วขาสตาร์ทเตอร์ ลักษณะจะเหมือนกับขั้วสตาร์ทเตอร์ คือ มีขาบิดล็อคได้ ซึ่งขั้ว GU10 เรามักจะพบเห็นในหลอดฮาโลเจนแบบถ้วย MR16 ซึ่งหลอดดังกล่าวนิยมนำมาใช้กับโคมไฟติดราง ซึ่งต้องติดตั้งในลักษณะส่องลง ทำให้มีโอกาสที่หลอดจะหลุดออกจากตัวโคมได้ จึงเป็นเหตุผลว่าทำไมจึงต้องใช้ขั้ว GU10 กับหลอดไฟบางประเภทนั้นเองครับ ปัจจุบันหลอดแอลอีดีก็ได้มีการผลิตมาในขั้วหลอด GU10 นี้ด้วยเหมือนกัน เพื่อตอบสนองผู้ใช้ที่ยังมีโคมไฟขั้ว GU10 อยู่ด้วย
ขั้ว GU5.3 : สำหรับขั้ว GU5.3 นั้น นิยมนำมาใช้กับหลอดฮาโลเจนแบบถ้วย และ ฮาโลเจนแบบแคปซูล ซึ่งลักษณะขั้วจะเป็นเหล็กแหลมสั้นๆ 2 แท่งที่ตัวขั้วหลอด โดยตัวเลข 5.3 คือ ระยะห่างของแท่งเหล็กทั้ง 2 แท่ง นั้งเองครับ (หน่วยเป็นมิลลิเมตร) และยังมีขั้ว GU4 ซึ่งระยะห่างระหว่างแท่งเหล็กจะแคบกว่าขั้ว GU5.3 เล็กน้อยครับ
จากข้างต้นจะเป็นขั้วหลอดไฟ ที่พบเห็นกันได้บ่อยๆ และมีใช้กันอยู่ในชีวิตประจำวัน นอกเหนือจากนี้จะเป็นขั้วสำหรับหลอดประเภทต่างๆ ซึ่งเราไม่ค่อยได้ใช้กันสักเท่าไรครับ

You are not allowed to view links. Register or Login

ออฟไลน์ Auto Car

  • Administrator
  • Hero Member
  • *
  • กระทู้: 5020
    • ดูรายละเอียด
Re: เปรียบเทียบ LED แบบ SMD กับ COB
« ตอบกลับ #5 เมื่อ: 09 มิถุนายน 2021, 08:15:10 »
มาทำความรู้จักกับ LED SMD 3528 และ SMD 5050 มันคืออะไร
LED SMD (Surface-Mounted-Device) คือ อุปกรณ์ที่ยึดอยู่บนผิวของ PCB หรืออธิบายให้ง่ายต่อการเข้าใจคือ อุปกรณ์ที่ไม่ต้องเสียบขาเข้าไปในรูแล้วค่อยบัดกรีเหมือน LED เป็นอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์จำพวกกึ่งตัวนำที่สามารถเปล่งแสงออกมาได้เมื่อเราจ่ายกระแสไฟฟ้าเข้าที่ตัวมัน โดยปกติหลอดชนิดนี้สามารถเปล่งแสงได้เมื่อจ่ายแรงดันกระแสไฟตรงเพียงเล็กน้อยเท่านั้นโดยสามารถกำหนดแรงดันเข้าไปผ่านตัวต้านทาน จึงทำให้มีลักษณะเข้มหรืออ่อนของแสงได้และประสิทธิภาพในการให้แสงยังดีกว่าหลอดไฟธรรมดา หรือหลอดไส้ที่ใช้กันอยู่ในอดีต ก่อนจะเปลี่ยนมาเป็นหลอดประหยัดในยุคหลังๆ และปัจจุบัน LED ก็เริ่มมีความนิยมเพิ่มมากขึ้นเรื่อยๆตามราคาที่ถูกลงมากกว่าในอดีต
  สำหรับไฟเส้นแล้ว SMD LED 3528 กับ 5050 ถูกเรียกตามขนาดของตัวชิปหลอดไฟ LED เนื่องจากขนาดชิปรุ่นที่นิยมใช้กันอย่างแพร่หลายคือ รุ่น 3528 และ 5050 ซึ่งมาจากขนาดของชิปของ LED นั่นเอง เช่น LED รุ่น 5050 ขนาดของ LED Chip คือ 5.0mm x 5.0mm และ รุ่น 3528 คือ 3.5mm * 2.8mm เมื่อเทียบความความสว่างแล้ว รุ่น 5050 จะให้ความสว่างมากกว่า 3528 ประมาณ 2-3 เท่าด้วยกัน
สำหรับรุ่น 5050 มีทั้งรุ่นแบบ สีเดียว (Single Color) และ แบบ RGB (Multi Color)
ข้อแนะนำในการซื้อ ไฟเส้น LED (LED Strip/ LED Ribbon) อยากแนะนำให้ใช้รุ่นที่เหมาะสมกับการใช้งาน ซึ่งคำถามที่มักพบบ่อยคือ หากจะใช้ LED Strip แทนหลอดนีออนในการติดตั้งทดแทนกัน จะใช้รุ่นใด ซึ่งแสงที่ให้ของหลอดนีออน เมื่อเทียบในความยาวเท่ากัน LED Strip 5050 จะให้แสงใกล้เคียงกว่ารุ่น 3528

You are not allowed to view links. Register or Login